โควิดวันนี้ 11 ม.ค. 65 ไทยพบติดเชื้อเพิ่ม 7,133 ราย

 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยตัวเลขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า

ล่าสุด สถานการณ์โควิดวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,133 ราย ผู้ป่วยสะสม 61,174 ราย

 (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 2,284,609 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 12 ราย 

เสียชีวิตสะสม 21,850 ราย หายป่วยเพิ่ม 3,306 ราย หายป่วยสะสม 32,291 ราย 

(ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 61,974 ราย

ติดโควิด ต้องทำอย่างไร เมื่อรักษาตัวที่บ้าน

  กระทรวงสาธารณสุข เผยเอกสารแนวปฏิบัติสำหรับบุคลากรแพทย์ สำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด ที่รักษาตัวที่บ้าน ที่ปรับปรุงเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา 

แนวทางการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่รักษาตัวที่บ้าน มี 12 ข้อ ดังนี้

1. ไม่ให้คนอื่นมาเยี่ยม และงดออกจากบ้าน
2. อยู่ในห้องส่วนตัวตลอดเวลา
3. หากจำเป็นต้องเข้าใกล้ผู้อื่นต้องสวมหน้ากากอนามัยและอยู่ห่างอย่างน้อย 1 เมตร
4. หากไอหรือจามขณะสวมหน้ากาก ไม่ต้องเอามือปิดปากและไม่ต้องถอดหน้ากาก
5. ถูมือด้วยเจลกอฮอล์หรือล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ
6. หากให้นมบุตร แม่ควรสวมหน้ากากอนามัยและล้างมืออย่างเคร่งครัดทุกครั้งก่อนสัมผัสบุตรหรือให้นมบุตร
7. ใช้ห้องน้ำแยกจากผู้อื่น หากจำเป็นต้องใช้ร่วมกันให้ใช้เป็นคนสุดท้าย และปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำ
8. ควรทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์และพื้นที่ที่อาจปนเปื้อนของเสียจากร่างกาย ด้วยน้ำและน้ำยาฟอกขาวที่มีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคลอไรต์ 5% (เช่น ไฮเตอร์, คลอรอกซ์) โดยใช้น้ำยาฟอกขาว 1 ส่วนต่อน้ำ 99 ส่วน
9. แยกสิ่งของส่วนตัวไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น
10. ไม่ร่วมรับประทานอาหารกับผู้อื่น
11. ซักเสื้อผ้าผ้าปูเตียง ผ้าขนหนู ด้วยน้ำและสบู่ซักฟอกตามปกติ
12. การทิ้งหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วและขยะที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่งให้ใส่ถุงพลาสติกและปิดปากถุงให้สนิทก่อนทิ้งขยะที่ฝาปิดมิดชิด

สิ่งที่ผู้ป่วยจะต้องทำเพิ่มเติม คือ

1. สังเกตอาการตัวเอง วัดอุณหภูมิ และปริมาณออกซิเจนในเลือดทุกวัน
2. หากอาการแย่ลง เช่น ไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส หายใจหอบเหนื่อย ค่าออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 94% หรือใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้ ให้รับติดต่อโรงพยาบาลที่รักษาอยู่
3. หากเดินทางไปโรงพยาบาลให้ใช้รถยนต์ส่วนตัวหรือรถโรงพยาบาล และทุกคนในรถจะต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และควรเปิดหน้าต่างเพื่อเพิ่มการระบายอากาศ

บัตรทอง 30 บาท รักษาได้ทุกที่ เริ่มแล้ว 1 ม.ค. 65

การยกระดับบัตรทอง 30 บาท ให้เป็น 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งนำร่องในบางพื้นที่เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา และในปี 2565 นี้ จะมีการขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป สามารถเข้ารับบริการในระบบบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผย ยกระดับบัตรทองเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่ตนได้มอบหมายให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ โดยเน้นใน 4 บริการ 

1. ประชาชนที่เจ็บป่วยไปรับบริการกับหมอประจำครอบครัว ในหน่วยบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ หรือ 30 บาทรักษาทุกที่
2. ผู้ป่วยในไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว
3. โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้
4. ย้ายหน่วยบริการ ได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน

ขั้นตอนการใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกที่มีดังนี้

1. ติดต่อที่หน่วยบริการปฐมภูมิที่เข้ารับการรักษา
2. แจ้งความจำนงใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพก่อนรับบริการ
3. แสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายที่ทางราชการออกให้ สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี แสดงสำเนาสูติบัตร (ใบเกิด)